การปลูกมะกรูดตัดใบขายเกษตรกรหลายพื้นที่มักประสบปัญหาการเพาะปลูกพืชไม่ได้ผล
ส่วนใหญ่เกิดจากดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากการปลูกพืชชนิดเดียวซ้ำกันหลายปี
ไม่มีการปลูกพืชหมุนเวียน อีกทั้งมีการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนใหญ่
ทำให้ดินมีสภาพเป็นกรด ขาดความอุดมสมบูรณ์ ดินที่เคยร่วนซุยกลายเป็นดินเหนียวแน่น
การระบายน้ำไม่ดี ที่สำคัญเป็นดินที่ขาดจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อดินและพืช ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นดินตาย
ไม่ว่าจะมีการใส่ปุ๋ยบำรุงพืชดีเพียงใดก็มักไม่ได้ผล
พืชจะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น
ทางที่ดีก่อนปลูกพืชชนิดใดก็ตามต้องมีการเตรียมดิน
ปรับสภาพดินเพื่อให้เหมาะสำหรับการงอกของเมล็ด การปลูกพืชและการเจริญเติบโตของพืช
เช่น การไถ การย่อยดิน และการกำจัดวัชพืช ซึ่งหลากหลายปัญหานะค่ะ
วันนี้เราจะนำการปลูกมะกรูดตัดใบมาฝากเพื่อนๆ ผู้ติดตามบล็อก Poo nita farm (ภูนิตาฟาร์ม) ค่ะ
เพราะมะกรูดนอกจากจะนำปรุงแต่งรสชาติของอาหารแล้ว
ยังสามารถจะแปรรูปได้หลายอย่างรวมทั้งจะปลูกเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักของเกษตรกรได้เลยทีเดียว…และมะกรูด ก็เป็นพืชที่ชอบดินที่มีการระบายน้ำที่ดี
น้ำไม่ท่วมขังเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นเกษตรกรก็ต้องดูแลเอาใจใส่เพื่อผลผลิตที่ดีค่ะวิธีการปลูกสภาพพื้นที่ปลูกต้นมะกรูดต้องมีการระบายน้ำที่ดี
น้ำไม่ท่วมขัง มีระดับ pH 5.5-7.0 ดินมีอินทรียวัตถุสูง
เนื่องจากระยะปลูกมะกรูดมีความสัมพันธ์กับการเตรียมแปลงและจำนวนต้นปลูกความกว้างของแปลงปลูก
1 เมตร
ยกระดับความสูงของแปลงประมาณ 20-25 เซนติเมตร ความห่างระหว่างจุดกึ่งกลางของแปลง
1.5 เมตร ระยะปลูกห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร
ปลูกแบบสลับฟันปลา การใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่านี้ไม่มีความจำเป็นเนื่องจากการผลิตใบมะกรูดต้องอาศัยกรรมวิธีในการตัดแต่งซึ่งเท่ากับเป็นการควบคุมขนาดพุ่มต้นพร้อมกันด้วย
กิ่งพันธุ์สามารถใช้ต้นพันธุ์ที่ขยายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด กิ่งปักชำ
หรือกิ่งตอนก็ได้ แต่ต้นพันธุ์มะกรูดที่จะนำมาใช้ปลูกจะต้องปลอดจากโรคแคงเคอร์
หากโรคแพร่ระบาดเข้าไปในแปลงปลูกแล้ว ก็ยากที่จะกำจัดได้และมีปัญหาต่อการส่งออกมะกรูดที่นิยมปลูกแบ่งออกได้เป็น 2 สายพันธุ์หลักแบ่งออกเป็น 2
สายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์ที่ให้ผลมะกรูดดกตลอดปี
ผิวผลค่อนข้างเรียบและผลมีขนาดเล็กอีกสายพันธุ์หนึ่งเป็นพันธุ์ผลใหญ่และติดเป็นพวง
ลักษณะของผลมีตะปุ่มตะป่ำคล้ายหูดและมีใบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะที่จะปลูกเพื่อผลิตใบและผลขายส่งโรงงานแปรรูปน้ำมันหอมระเหย
เครื่องอุปโภคหลายชนิด อาทิ สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน เครื่องสำอาง ฯลฯ
ล้วนแต่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากใบและผลมะกรูด
ยังมีข้อมูลบริษัทบางแห่งมีการนำเอาใบมะกรูดไปตากแห้งและบดให้ละเอียด
ปั้นเป็นลูกกลอนเพื่อส่งออก
บ้างก็นำเอาไปเป็นส่วนผสมในอาหารไก่เพื่อช่วยต้านทานโรค
ในทางการแพทย์แผนไทยมีการใช้มะกรูดเป็นยาหรือส่วนผสมของยาต่างๆ อาทิ
น้ำในผลมะกรูดแก้อาการท้องอืด ช่วยให้เจริญอาหาร
น้ำมะกรูดใช้ดองยาเพื่อใช้ฟอกเลือดและบำรุงโลหิตในสตรี
ส่วนของเนื้อนำมาใช้เป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ ส่วนของใบมะกรูดใช้เป็นยาขับลมในลำไส้
แก้อาการจุกเสียดการปลูกมะกรูดเพื่อตัดใบขายควรปลูกด้วยกิ่งตอน
ก่อนจะปลูกควรนำปุ๋ยคอกมาใส่ผสมกับดิน เพื่อให้ดินมีอาหารอุดมสมบูรณ์ดีหลุมที่ปลูกมีขนาดกว้าง x ยาว x ลึก
ประมาณ80เซนติเมตรก่อนที่จะวางพืชลงปลูกในหลุมควรหาใบไม้ใบหญ้าแห้งที่เน่าเปื่อยผุพังใส่รองก้นหลุมระยะปลูกประมาณ
5 x 5เมตร เทคนิคในการปลูกคือ
ก่อนอื่นจะต้องรู้หน้าใบและหลังใบ ในการปลูกส่วนของหน้าใบจะต้องหันสู่ทิศตะวันออก
(ดวงอาทิตย์ขึ้นทางไหน หันใบไปทางนั้น)
ฤดูกาลปลูกแนะนำให้ปลูกในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวจะดีที่สุด
ถ้าปลูกในช่วงฤดูฝนมักจะพบปัญหาเรื่องโรคราเนื่องจากมีความชื้นสูงในการเตรียมหลุมปลูกต้นมะกรูดจะไม่รองก้นหลุมด้วยสารฆ่าแมลงในกลุ่มของสารคาร์โบฟูรานเพื่อป้องกันการทำลายจากปลวก
จะใส่สารคาร์โบฟูรานหลังจากปลูกเสร็จ
เพราะว่าปลวกหรือแมลงศัตรูในดินจะทำลายรากของต้นมะกรูดในช่วงผิวดินที่ลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร เท่านั้น
ต้นมะกรูดจะตั้งตัวหลังจากปลูกไปได้ประมาณ 1 เดือน
ให้ใช้ปุ๋ยยูเรียผสมกับปุ๋ยคอกเก่า (ขี้วัวเก่า) ใส่ให้กับต้นมะกรูด
แต่ให้ใส่ห่างจากโคนต้นสัก 1 คืบ
ถ้าเป็นช่วงฤดูแล้งให้ทำเปลือกถั่วเขียวมาคลุมโคนต้น อย่าให้ติดโคนต้นเช่นกัน
ปุ๋ยที่ใส่ไปจะกระตุ้นการแตกยอดให้เร็วขึ้นการปฏิบัติดูแลรักษาการให้น้ำ ในระยะที่ปลูกมะกรูดใหม่ ๆ ต้องหมั่นรดน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่พืช
จะทำให้พืชตั้งตัวได้เร็ว แตกใบอ่อนกิ่งอ่อนดีการใส่ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหารให้พืชเป็นครั้งคราว
ซึ่งอาจเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์
และปุ๋ยชีวภาพก็ได้ ปกติจะรับประทานใบมะกรูดเป็นอาหารจึงมักใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง
เช่น 20-14-14หรือใส่ปุ๋ยพื้น เช่น 15-15-15
สูตรให้ปุ๋ย :ทางราก….. ขี้วัว – แกลบดิบ – ยิบซั่ม 6 เดือน/ครั้ง…..ให้ “ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิด เถิดเทิง 30-10-10 อัตรา 2 ล./ไร่/เดือนทางใบ…… ให้ “ไบโออิ
+ ยูเรีย จี. + จิ๊บเบอเรลลิน” 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7
วัน หลังตัดยอดเก็บใบหมายเหตุ :
- พืชตระกูลส้มต้องการ แม็กเนเซียม-สังกะสี สูง
- ยูเรีย จี, จิ๊บเบอเรลลิน.
ช่วยให้แตกยอดใหม่เร็ว
- ให้สารอาหารตามนี้แล้วไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่ม
เพราะมีแล้วอย่างเพียงพอสำหรับ มะกรูดตัดใบ
การป้องกันกำจัดศัตรูพืชการดูแลรักษาหลังการปลูกวิธีตัดใบเพื่อนำไปขาย ให้เลือกตัดกิ่งที่ยาวๆ
คล้ายกับเราตัดแต่งกิ่ง เพียงแต่ต้องตัดให้ยาวไว้ ไม่ต้องตัดซอยสั้น
หรือให้กิ่งตัดมีความยาว 50 เซนติเมตร ขึ้นไป
ส่วนต้นมะกรูดให้แต่งซอยสั้น ทำเพื่อเป็นการพักต้นไปเลยหลังจากนั้น นำมามัดเป็นกำๆ
1 กำ มีอยู่ 7-8 กิ่งการบังคับการออกดอก หากปลูกให้ออกดอกตามธรรมชาติแล้ว
ก็จะได้ดอกในช่วงฤดูหนาว อายุผลยังไม่ทราบแน่นอน แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับมะนาว
คือจากดอกบานถึงเก็บเกี่ยวได้ ประมาณ 4 เดือนครึ่ง
อย่างไรก็ตาม จากผลการทดลองใช้สารชะลอการเจริญเติบโตพาโคลบิวทราโซล
ร่วมกับการตัดปลายยอดพบว่าสามารถชักนำให้ต้นมะกรูดมีการออกดอกได้ดีมาก โดย
ต้นมะกรูดเริ่มออกดอกภายหลังการตัดยอด ประมาณ 90 วัน
และมีดอกมากที่สุดในช่วงระหว่าง 100-120 วัน แนะนำให้เกษตรกรที่จะปลูกมะกรูดในพื้นที่
1 ไร่ ให้ปลูกด้วยการใช้ต้นมะกรูดเสียบยอดและควรใช้พันธุ์ที่มีขนาดใบใหญ่และผลตะปุ่มตะป่ำ
สำหรับใบมะกรูดที่มีตำหนิโรงงานที่รับซื้อใบและผลมะกรูดก็รับซื้อทั้งหมดเพื่อจะนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย จะมีการรับซื้อทั้งใบและผลโดยรับซื้อเป็นกิโลกรัม รูปแบบของการรับซื้อจะมีรถพร้อมคนงานไปตัดใบและผลมะกรูดถึงสวน รถปิคอัพแต่ละคันจะต้องตัดใบมะกรูดได้อย่างน้อยวันละ 500 กิโลกรัมโรคและแมลง (เช่น หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ และไร เป็นต้น) จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท ส่วนของผลมะกรูดจะรับซื้อทั้งหมด (แยกเฉพาะผลเน่าออก) โดยใช้วิธีการเขย่าต้น ในราคาเฉลี่ยจะมีหนอนของผีเสื้อกลางคืนกัดกินใบมะกรูดและยอดอ่อน จึงควรตรวจตราจับหนอนดังกล่าวในเวลาเช้าแล้วทำลายทิ้งเสียในช่วง 1-2 เดือนแรกก็เพียงแต่รดน้ำเช้าเย็นเท่านั้น และเมื่ออายุปลูกได้ 8 เดือน จึงบำรุงต้นอีกครั้ง
โดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ใส่รอบๆ บริเวณโคนต้น
การให้น้ำก็จะลดลงเหลือเพียงวันละครั้งเดียว เมื่อต้นมะกรูดขึ้นปีที่ 2 ก็เริ่มที่จะเก็บผลผลิตตัดใบไปจำหน่ายได้เลยเมื่อเก็บผลผลิตที่ต้องการหมดคงเหลือแต่ต้นมะกรูด
จะพักต้นไว้ประมาณ 4 เดือน เพื่อได้บำรุงต้น ให้แตกกิ่งก้านออกมาอีก ในช่วงนี้จะจ้างแรงงานมาทำแปลง
ในการพรวนดินรอบๆ ต้น ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช และนำโคลนที่อยู่ในท้องร่องสวน
ขึ้นมากลบบริเวณโคนต้นเพื่อเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้กับต้นมะกรูด หลังจากนั้น
ต้นมะกรูดจะให้ผลผลิตใบได้อีกรอบ
ทำหมุนเวียนกันไปจนครบทั้งหมดมะกรูดเชิงการค้านั้น
จะมุ่งเน้นเฉพาะการเจริญเติบโตด้านกิ่งใบเป็นหลัก
การตัดแต่งเป็นการกระตุ้นให้มีการผลิตาและยังส่งเสริมในด้านการเจริญเติบโต
ทางกิ่งใบรวมทั้งระยะปลูกและจำนวต้นที่ปลูกจะต้องมีความเหมาะสมในเรื่องของการดูแลรักษาต้นมะกรูดเพื่อตัดใบขายนั้น
ควรจะมีการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันรักษาใบให้ดี
โดยเฉพาะในช่วงของการแตกใบอ่อนจะพบการระบาดของหนอนชอนใบ แนะนำให้ฉีดพ่นสารโปรวาโด
อัตรา 1-2 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
(1 ปี๊บ) เป็นที่ทราบกันดีว่า
สารโปรวาโดเป็นสารในกลุ่มอิมิดาคลอพริดที่ใช้อัตราน้อยที่สุด
และเมื่อคำนวณต้นทุนการผลิตต่ำกว่าสารอิมิดาคลอพริดชนิดอื่นๆ นอกจากนั้น
เกษตรกรที่ปลูกต้นมะกรูดจะต้องควบคุมโรคแคงเกอร์ให้ได้
โดยภาพรวมแล้วการปลูกมะกรูดมีการดูแลรักษาที่น้อยกว่าการ
ปลูกมะนาวและพืชตระกูลส้มชนิดอื่นๆ
การเก็บเกี่ยวใบมะกรูดครั้งแรกเมื่อปลูกไปประมาณ 4-6 เดือน จะเริ่มการตัดแต่งกิ่งโดยตัดให้อยู่ใน ระดับความสูง 60-80 เซนติเมตร
จากผิวดิน กำจัดกิ่งที่อยู่ในแนวนอนออกไป ภายหลังการตัดแต่งแล้ว ตาจะเริ่มผลิ
ผลจากการศึกษา การผลิตใบมะกรูดควรปฏิบัติดังนี้ กิ่งควรอยู่ในแนวตั้งฉากหรือเกือบตั้งฉาก
จะให้จำนวนกิ่ง จำนวนใบต่อกิ่งและขนาดใบที่ใหญ่ ระดับของการตัดแต่ง
ไม่ควรตัดแต่งเกินครึ่งหนึ่งของความยาวกิ่ง หากตัดเหลือตอกิ่งมีผลทำให้การผลิตายืดเวลาออกไป ขนาดของกิ่งที่เหมาะสม
ควรเป็นกิ่งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร.(เสียบบนต้นตอมะนาวพวง
รากมะนาวพวงหากินเก่งทำให้ต้นเจริญเติบโตไว) ที่ไม่ส่งเสริมให้ปลูกโดยการใช้กิ่งตอนเนื่องจากเมื่อต้นใหญ่ขึ้นมีโอกาสโค่นล้มได้ง่าย
วิธีการเสียบยอดมะกรูดควรใช้วิธีการเสียบแบบผ่าลิ่ม ต้นตอจะใช้กิ่งมะนาวพวงโดยเลือกกิ่งที่มีลักษณะกลางแก่กลางอ่อนที่มีขนาดต้นประมาณแท่งดินสอ
(วิธีสังเกตต้นตอที่ดีเปลือกผิวจะมีลายที่ชาวบ้านเรียกว่า “ลายนกคุ้ม” จะดีมาก)
สำหรับยอดพันธุ์มะกรูดที่จะนำมาเสียบควรเลือกกิ่งที่มีความสมบูรณ์และใบสวย
ขนาดของยอดที่ตัดมาเสียบให้มีความยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร
และขนาดของยอดควรใหญ่ใกล้เคียงกับต้นตอ
ข้อดีของการปลูกต้นมะกรูดที่ได้จากการเสียบยอดแบบผ่าลิ่มคือ ระบบรากจะดีมาก
เมื่อแผลจากการเสียบประสานเชื่อมติดสนิทจะเหมือนกับต้นเพาะเมล็ด
ต้นจะเจริญเติบโตได้เร็วมาก ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกมะกรูดได้ 400 ต้น
โดยใช้พื้นที่ปลูก 2×2 เมตร และแซมด้วยการปลูกกล้วย น้ำว้าเพื่อช่วยเป็นร่มเงาในปีแรก เมื่อต้นมะกรูดมีอายุได้ 1 ปีเต็ม เราจะได้กล้วยต้นละ 1 เครือ
เป็นรายได้เสริม ให้โค่นต้นกล้วยทิ้งเมื่อต้นมะกรูดมีอายุเข้าปีที่ 3 เริ่มตัดใบมะกรูดขายได้ทุกๆ 3 เดือน เมื่อคิดเป็นเงินจากการขายใบมะกรูด
70 บาท ต่อต้น ต่อรุ่น จะได้เงิน 28,000 บาท (ใน 1 ปี จะมีรายได้จากการขายใบมะกรูดถึง 112,000
บาท ต่อไร่)
สภาพพื้นที่ปลูกควรเลือกสภาพดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำที่ดีและเตรียมแปลงแบบลูกฟูกเพื่อช่วยการระบายน้ำ
จุดสำคัญที่สุดของการปลูกมะกรูดเพื่อตัดใบขาย นั้นจะต้องมีสภาพแหล่งน้ำที่สมบูรณ์
(ถ้าแหล่งน้ำไม่สมบูรณ์อาจจะตัดใบมะกรูดได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น)สำหรับพื้นที่ที่พบว่ามีลมพัดแรงจำเป็นจะต้องปลูกต้นไม้กันลม
เกษตรกรควรจะปลูกต้นสนปฎิพัทธ์ ไผ่รวกหรือไผ่ชนิดอื่นๆ เป็นแนวกันลมก็ได้
หรืออาจจะปลูกกล้วยหินซึ่งจัดเป็นกล้วยท้องถิ่นของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร
ได้มีการนำต้นพันธุ์กล้วยหินมาจากไร่ บี.เอ็น ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ
จังหวัดเพชรบูรณ์ มาปลูกรอบแปลงปลูกไม้ผล
ผลปรากฏว่าต้นกล้วยหินซึ่งจัดเป็นกล้วยที่ลำต้นสูงใหญ่ใช้เป็นแนวกันลมได้อย่างดีไม่แพ้ไม้ชนิดอื่นๆ
ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับเกษตรกรที่ปลูกกล้วยไข่ว่า
ควรจะปลูกกล้วยหินเป็นแนวกันลมล้อมรอบแปลงกล้วยไข่ การตลาดและการจำหน่ายสำหรับใบมะกรูดที่มีตำหนิโรงงานที่รับซื้อใบและผลมะกรูดก็รับซื้อทั้งหมดเพื่อจะนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย จะมีการรับซื้อทั้งใบและผลโดยรับซื้อเป็นกิโลกรัม
รูปแบบของการรับซื้อจะมีรถพร้อมคนงานไปตัดใบและผลมะกรูดถึงสวน
รถปิคอัพแต่ละคันจะต้องตัดใบมะกรูดได้อย่างน้อยวันละ 500 กิโลกรัม โดยจะเริ่มลงมือประมาณ 9 โมงเช้า-ประมาณบ่าย
2 โมง จะเสร็จเรียบร้อย ขนใบมะกรูดมารวบรวม ไว้ในที่ร่มเพื่อเตรียมส่งโรงงานและจะเก็บใบและผลมะกรูดได้ไม่เกิน 3 วัน เจ้าของสวนเพียงแต่นัดวันเวลาให้ไปตัดเท่านั้น
ราคารับซื้อถึงสวนถ้าเป็นใบที่สวยจะรับซื้อเฉลี่ยกิโลกรัมละ 7-10 บาท ส่วนใบที่มีตำหนิหรือมีร่องรอยของการทำลายของโรคและแมลง (เช่น
หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ และไร เป็นต้น) จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท
ส่วนของผลมะกรูดจะรับซื้อทั้งหมด (แยกเฉพาะผลเน่าออก)
โดยใช้วิธีการเขย่าต้น ในราคาเฉลี่ย กิโลกรัมละ 3 บาท เช่นกัน
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกมะกรูดในเชิงพาณิชย์ยังมีน้อยมากและยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าใบและมะกรูดมีตลาดดีกว่าพืชอีกหลายชนิด
และเป็นพืชที่มีการจัดการดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเหมือนพืชตระกูลส้มชนิดอื่นๆ
แหล่งผลิตใบและผลมะกรูดที่สำคัญในปัจจุบันนี้จะอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดอุทัยธานีเทคนิคสำคัญในการจัดการในแปลงปลูกมะกรูดมีดังนี้
จะใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงปลูกหรือใช้ฟางข้าวคลุมแปลง
เพื่อป้องกันวัชพืชและช่วยรักษาความชื้น หากมีการใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงแล้ว
ระบบการให้น้ำจำเป็นต้องใช้เป็นแบบน้ำหยดที่มีการให้ปุ๋ยไปกับน้ำพร้อมกันด้วย
สำหรับแปลงปลูกที่ไม่ได้มีการใช้ผ้าพลาสติกแล้ว ก็สามารถเลือกใช้การให้น้ำระบบต่าง
ๆ ที่มีอยู่ตามความเหมาะสมได้ การให้ปุ๋ย
ผลจากการตัดใบมะกรูดนั้นเป็นการนำเอาแร่ธาตุอาหารออกไปจากดินอย่างต่อเนื่อง
จึงจำเป็นที่จะต้องให้ปุ๋ยชดเชยกลับคืนให้กับต้นดังเดิม ระดับของปริมาณธาตุอาหาร N-P-K
ควรมีสัดส่วนประมาณ 5 : 1 : 3 หรือ 5 :
1 : 4 หรือใกล้เคียงกันวิธีปักชำกิ่งมะกรูดด้วยต้นตอมะนาวพวง เตรียมดินเพาะชำโดยใช้ขี้เถ้า
1 ส่วน ดินดำ 2 ส่วน
ใส่ถุงดำขนาด 4×7 นิ้ว แต่ต้องเป็นวัสดุที่แห้ง
เพราะถ้าเปียกชื้นจะทำให้เกิดเสี้ยนดินจัดหากิ่งพันธุ์มะกรูดและกิ่งพันธุ์มะนาวพวง
โดยคัดเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ สภาพดี อายุที่เหมาะสมสังเกตจากลายนกคุ้ม คือ มีลายดำแซมยาว และต้องคัดขนาดที่ใกล้เคียงกัน
ตัดกิ่งตอมะนาวพวงเป็นท่อนยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร
ควรทำตำหนิโคนกิ่ง ป้องกันการสับสนในการเสียบยอด
ก่อนผ่ากลางที่ปลายกิ่งด้วยมีดที่คมไม่เป็นสนิม ลึกประมาณ 3 เซนติเมตร
เฉือนกิ่งมะกรูดที่เตรียมไว้ทั้ง 2 ด้านให้เป็นลิ่ม
ขนาดแผลเท่ากับความลึกของแผลต้นตอที่เตรียมไว้ เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ
ให้รอยแผลตรงกัน แล้วใช้ผ้าพลาสติกพันจากล่างขึ้นบน ให้คลุมแผลจนเต็ม
ก่อนพันรัดให้แน่น นำต้นพันธุ์ไปชำในถุงดินที่เตรียมไว้
โดยรดน้ำให้ความชื้นที่พอเหมาะ สังเกตจากการบีบดูไม่ให้แฉะเกินไป
ใช้ไม้แทงลงดินก่อนนำต้นพันธุ์ลงชำในถุง นำไปเก็บไว้ในโรงอบพลาสติกไม่ต้องรดน้ำ
ทิ้งไว้นาน 60 วัน รอยแผลจะประสานกันดี
และนำออกมาพักไว้ในโรงเรือนอย่างน้อย 7 วัน
ก็สามารถนำไปปลูกได้ตามปกติวิธีทาบกิ่งมะกรูดด้วยต้นตอมะนาวพวง เตรียมอุปกรณ์และวัสดุ
ขุยมะพร้าวที่ร่อนด้วยตะแกรง เพื่อนำใยมะพร้าวออกให้เหลือเฉพาะขุยมะพร้าว นำไปใส่ถุงพลาสติกใส (ถุงใส่ของร้อน) ขนาด 3×5 นิ้ว ก่อนที่จะจัดหากิ่งมะนาวพวง
โดยใช้กิ่งที่สมบูรณ์ สภาพดี อายุที่เหมาะสม สังเกตจากกิ่งมีลายนกคุ้ม คือ
มีลายดำแซมยาว นำมาตัดเฉียงควรทำตำหนิโคนกิ่ง ป้องกันการสับสนในการปักชำ
ความยาวของกิ่งประมาณ 4-5 นิ้ว
จุ่มโคนกิ่งด้วยน้ำฮอร์โมนเร่งรากที่เตรียมไว้
ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนที่จะชำลงในถุงขุยมะพร้าวที่มีความชื้นพอประมาณ
ทดสอบด้วยการทำให้ขุยมะพร้าวเป็นก้อน แต่ไม่ถึงกับมีน้ำไหลออกตามง่ามนิ้วมือ
ผูกปากถุงด้วยเชือกพลาสติก คัดกิ่งมะกรูดเป็นกิ่งพันธุ์ เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ไม่มีโรค
มีขนาดใกล้เคียงกับต้นตอปาดเฉียงขึ้นบนกิ่งมะกรูดที่ได้เลือกไว้ด้วยมีดที่คมไม่เป็นสนิม ลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร
เฉือนต้นตอมะนาวพวงที่เตรียมไว้ให้เป็นปากฉลาม
ขนาดแผลเท่ากับความลึกของแผลกิ่งพันธุ์ดีที่เตรียมไว้
เสียบต้นตอลงการตลาดและการจำหน่ายโดยจะเริ่มลงมือประมาณ 9 โมงเช้า-ประมาณบ่าย 2 โมง
จะเสร็จเรียบร้อย ขนใบมะกรูดมารวบรวม ไว้ในที่ร่มเพื่อเตรียมส่งโรงงานและจะเก็บใบและผลมะกรูดได้ไม่เกิน 3 วัน เจ้าของสวนเพียงแต่นัดวันเวลาให้ไปตัดเท่านั้น
ราคารับซื้อถึงสวนถ้าเป็นใบที่สวยจะรับซื้อเฉลี่ยกิโลกรัมละ 7-10 บาท ส่วนใบที่มีตำหนิหรือมีร่องรอยของการทำลายของกิโลกรัมละ 3 บาท
เช่นกัน ปัจจุบันพื้นที่ปลูกมะกรูดในเชิงพาณิชย์ยังมีน้อยมากและยังมีเกษตรกร อีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าใบและมะกรูดมีตลาดดีกว่าพืชอีกหลายชนิด
และเป็นพืชที่มีการจัดการดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเหมือนพืชตระกูลส้มชนิดอื่นๆ
แหล่งผลิตใบและผลมะกรูดที่สำคัญในปัจจุบันนี้จะอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดอุทัยธานีเทคนิคสำคัญในการจัดการในแปลงปลูกมะกรูดมีดังนี้
จะใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงปลูกหรือใช้ฟางข้าวคลุมแปลง
เพื่อป้องกันวัชพืชและช่วยรักษาความชื้น หากมีการใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงแล้ว
ระบบการให้น้ำจำเป็นต้องใช้เป็นแบบน้ำหยดที่มีการให้ปุ๋ยไปกับน้ำพร้อมกันด้วย
สำหรับแปลงปลูกที่ไม่ได้มีการใช้ผ้าพลาสติกแล้ว ก็สามารถเลือกใช้การให้น้ำระบบต่าง
ๆ ที่มีอยู่ตามความเหมาะสมได้ การให้ปุ๋ย
ผลจากการตัดใบมะกรูดนั้นเป็นการนำเอาแร่ธาตุอาหารออกไปจากดินอย่างต่อเนื่อง
จึงจำเป็นที่จะต้องให้ปุ๋ยชดเชยกลับคืนให้กับต้นดังเดิม ระดับของปริมาณธาตุอาหาร N-P-K ควรมีสัดส่วนประมาณ 5 : 1 : 3 หรือ 5 : 1 : 4 หรือใกล้เคียงกัน
สำหรับใบมะกรูดที่มีตำหนิโรงงานที่รับซื้อใบและผลมะกรูดก็รับซื้อทั้งหมดเพื่อจะนำไปผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหย จะมีการรับซื้อทั้งใบและผลโดยรับซื้อเป็นกิโลกรัม รูปแบบของการรับซื้อจะมีรถพร้อมคนงานไปตัดใบและผลมะกรูดถึงสวน รถปิคอัพแต่ละคันจะต้องตัดใบมะกรูดได้อย่างน้อยวันละ 500 กิโลกรัมโรคและแมลง (เช่น หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ และไร เป็นต้น) จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท ส่วนของผลมะกรูดจะรับซื้อทั้งหมด (แยกเฉพาะผลเน่าออก) โดยใช้วิธีการเขย่าต้น ในราคาเฉลี่ยจะมีหนอนของผีเสื้อกลางคืนกัดกินใบมะกรูดและยอดอ่อน จึงควรตรวจตราจับหนอนดังกล่าวในเวลาเช้าแล้วทำลายทิ้งเสียในช่วง 1-2 เดือนแรกก็เพียงแต่รดน้ำเช้าเย็นเท่านั้น และเมื่ออายุปลูกได้ 8 เดือน จึงบำรุงต้นอีกครั้ง
การเก็บเกี่ยวใบมะกรูดครั้งแรกเมื่อปลูกไปประมาณ 4-6 เดือน จะเริ่มการตัดแต่งกิ่งโดยตัดให้อยู่ใน
ดาวโหลดเนื้อหาในหน้านี้
ที่มาเนื้อหา http://limejuite.wordpress.com/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น