การปลูกผักบุ้งแก้วขายรายได้ดี
มีเงินไหลเข้าครอบครัวทุกวัน
ผัก บุ้งเป็นพืชที่คู่ท้องถิ่นมานานแล้ว คนไทยนิยมรับประทานผักบุ้ง
แบบสดๆ และ แบบลวก และนำไปประกอบอาหาร ผัดผักบุ้ง แกงส้มผักบุ้ง
นำไปเป็นผักดองรับประทานกับขนมจีน ผักบุ้งเป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง
อุดมไปด้วยวิตามินเอ เกลือแร่ โปรตีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ผักบุ้งยังมีคุณค่าทางยา รักษาโรคต่างๆได้ดังนี้
ใบสด รสจืดใช้ตำ พอกฝี ถอนพิษสัตว์กัดต่อย
ทั้งต้น รสจืด แก้โรคประสาท ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แก้กลากเกลื้อน
แก้เบาหวาน แก้ตาอักเสบ บำรุงสายตา ต้มใส่เกลืออมแก้เหงือกบวม ตำพอกแก้โรคริดสีดวง
แก้ฟกช้ำ ถอนพิษ โดยรับประทานเถาว์และยอด ใช้ทั้งต้นคั้นเอาน้ำทำให้อาเจียน ถอนพิษยาเบื่อเมา
แก้พิษของผื่นและสารหนู
ราก รสจืด แก้ตกขาว แก้ไอเรื้อรัง แก้บวม แก้ปวดฟัน
ผสมกับดอกมะพร้าวมะขามและขิง ต้มรับประทานแก้โรคหืด
นับ
ว่าเป็นความโชคดีของคนไทยที่ธรรมชาติได้มอบพืชผักที่มีคุณค่าที่อุดมไปด้วย
สรรพคุณทางยา และ อาหารไว้ให้ได้รับประทานกัน การบริโภคผักบุ้งนับวันจะมากยิ่งขึ้น
ตามสัดส่วนการเพิ่มของประชากร
ผักบุ้งที่งอกขึ้นเองตามธรรมชาติไม่เพียงพอต่อการบริโภค
การปลูกผักบุ้งจำหน่ายจึงเป็นงานที่น่าสนใจ ตลาดมีความต้องการสูง
สร้างรายได้ในระยะเวลาอันสั้น และเก็บเกี่ยวได้ยาวนาน
การปลูกผักบุ้งแก้ว ทำได้ 2 วิธี
คือการปลูกในนาเรียกว่า การทำนาผักบุ้ง และ การปลูกในคูคลอง
การปลูกผักบุ้งในนาทำแบบเดียวกับการทำนาข้าว แบบดำนา คือ
ไถและราดเทือกให้เดินเป็นโคลน ปล่อยน้ำเข้านาให้มีระดับน้ำประมาณ 1 ฟุต นำยอดผักบุ้งที่มีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร
มาปักดำโดยใช้ระยะห่างระหว่างขุม (กอที่ปลูก) 1 เมตร และระหว่างแถว 1เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ยอดผักบุ้ง 1600 ยอด หรือปลูกได้ 1600
ขุม ประมาณ 10 วัน ผักบุ้งก็ลงรากบักเนื้อดิน
เกษตรกรควรตัดยอด จะช่วยให้ผักบุ้งแตกยอดแตกกอมากขึ้น หากมีการเสริมด้วยน้ำปุ๋ยหมักชีวภาพ
โดยฉีดพ่นทุก 5 วัน เพียง 1
เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวสร้างเงินได้แล้ว
น้ำหมักชีวภาพมีประสิทธิภาพสูงในการเร่งยอด คือ น้ำหมักจากยอดผักบุ้งและหยวกกล้วย
ในอัตรา 3:2 คือ ยอดผักบุ้ง 2 กิโลกรัม
หยวกอ่อน 3 กิโลกรัม หมักกับกากน้ำตาล 2 กิโลกรัม ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน นาไปผสมน้ำ 3 ช้อนแกงต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ
จะเกิดการเร่งยอด ทำให้ผักบุ้งแตกยอดเร็วขึ้นเป็น 2
เท่าของปกติ
การเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะต้องเก็บเกี่ยวแบบวันเว้นวัน พื้นที่ 1 ไร่ หากเก็บเกี่ยวหมดทั้งแปลงจะได้ประมาณ 100 กำ
เป็นอย่างน้อย ขายส่งกำละ 3 บาท ขายปลีก 5 บาท (ข้อมูลปี 2550) ก็จะมีรายได้ 300 บาทต่อการเก็บเกี่ยว 1 ครั้ง เดือน หนึ่ง เก็บเกี่ยว
15 ครั้ง ก็ 15
300
ก็จะมีรายได้แล้ว 4,500 บาท ต่อไร่ต่อเดือน
หากปลูกผักบุ้ง 4 ไร่ ก็จะมีรายได้เดือนละ 18,000 บาท ต่อเดือน ปีละ 316,000 บาท เป็นรายได้แบบเย็นๆ
น่าสนใจนะครับ วันนี้เกิดมีธุระไม่ได้เก็บเกี่ยว
ยอดผักบุ้งก็ไม่แก่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
การ ปลูกผักบุ้งแก้วอีกวิธีหนึ่งคือ ปลูกในคูคลอง วิธีนี้ง่ายมาก
เพียงเกษตรกรกำจักวัชพืชในคูคลองออกให้หมด นำผักบุ้งที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร มัดหลวมๆ มัดละ 6-8 ยอด
หาไม้ไผ่หรือไม่ที่คงทน และตรงพอสมควร ปักกลางลำน้ำให้ห่างกัน 4
4
เมตร นำผักบุ้งไปผูกไว้กับไม้หลัก ทำการตัดยอดผักบุ้งออกทั้งหมด
เพื่อให้ผักบุ้งแตกยอดมากขึ้น หมั่นฉีดพ่นปุ๋ยหมักน้ำทุก 5
วัน ประมาณ 1 เดือนก็สามารถเก็บ ยอดผักบุ้งขายได้แล้ว
การปลูกผักบุ้งในคูคลองมีส่วนดีคือ
ระดับน้ำลึก น้ำไม่ร้อน ยอดผักบุ้งจะอวบขาวสวยน่ารับประทาน ไม่ดีคือ
อาจมีเต่ากัดกิน มัน ก็ต้องระวัง
แต่มันมีเพียงบางพื้นที่เท่านั้น การเก็บเกี่ยวก็แบบวันเว้นวันเหมือนผักบุ้งในนา
เก็บได้ทั้งเดือนทั้งปี และหลายหลายๆ ปี โดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม มีรายได้แบบเย็นๆ
สบายๆ หากมีพื้นที่ในคลอง 4 ไร่ ก็จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 18,000
บาทต่อเดือน น่าสนใจน่าครับ
อ้างอิงที่มาจาก หนังสือ ชี้ช่องทางการทำกิน โดยอาจารย์ สมพล รักหวาน
นาย อนุสรณ์ ชลเกษม ผู้พิมพ์เอกสารฉบับนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น