22:21
อนุสรณ์
คน
เราทุกวันนี้นิยมใช้ดอกมะลิกันมากในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการบูชาพระ
การร้อยมาลัย การจัดพานพุ่มในงานพิธีต่างๆ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่
จะมีการใช้มะลิในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น
ดอกมะลิจึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง
สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกเป็นอย่างดี มะลิที่ปลูกเพื่อการขายในปัจจุบัน เป็นพันธุ์ “มะลิลา” ดอกสีขาวและค่อนข้างจะใหญ่ มีกลิ่นค่อนข้างแรง ตลาดมะลิยังไปได้ดี
ไปได้ถึงต่างประเทศ ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์
ทั้งในรูปของมะลิสด และมะลิที่แปรรูปเป็นพวงมาลัย พานพุ่ม ราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80
บาท ต่อ กิโลกรัม ในช่วง หน้าฝนดอกมะลิจะออกสู่ตลาดมาก
ราคาอาจจะต่ำไปกว่านี้ ในช่วงหน้าหนาวมะลิจะออกดอกน้อย
ราคาก็พุ่งสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 400-600 บาท
มะลิ เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่เป็นดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย
ในพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีน้ำท่วมในฤดูฝน เกษตรกรควรยกร่องให้สูงพ้นน้ำ
หากพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยกร่องสูง
แต่ก็จะต้องยกร่องเพื่อการระบายน้ำได้ดี
ก่อนนำมะลิลงปลูกเกษตรกรจะต้องมีการปรับปรุงดิน โดนเติมปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และเสริมด้วยน้ำหมักชีวภาพ ระยะการปลูก หากปลูกชิดทรงพุ่มจะเล็ก
ถ้าปลูกห่างทรงพุ่มจะใหญ่ ระยะที่พอเหมาะควรจะเป็น 1
2
เมตร คือ ระหว่างต้น 1 เมตร ระหว่างแถว 2 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 800 กอ มะลิเป็นพืชที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก
หากมีการจัดระบบน้ำเป็นสปริงเกลอร์ จะเหมาะสมที่สุด
ภายหลังการปลูกประมาณ 6 เดือน
มะลิจะเริ่มให้ผลผลิตแล้ว แต่จะยังมีปริมาณไม่มาก เมื่อมะลิออกดอก
เกษตรกรจะต้องเก็บดอกเรื่อยๆ พยามอย่าให้ดอกค้างบนต้น
เพราะถ้าดอกค้างอยู่ดอกใหม่จะไม่ค่อยสมบูรณ์ เป็นดอกเล็ก
ภายหลังจากการเก็บดอกแล้วมะลิจะให้ดอกสม่ำเสมอ ต้องเก็บดอกทุกวัน เกษตรกรต้องวางแผนให้เหมาะสม
จะปลูกในพื้นที่กี่ไร่ ใช้แรงงานเก็บเกี่ยวกี่คน หากระทำกันในครัวเรือน บนพื้นที่ 1-2 ไร่ ก็เพียงพอแล้ว มะลิเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก
ก่อนปลูกต้องคำนึงถึงแหล่งน้ำ จะต้องเสริมด้วยปุ๋ยหมักน้ำทุก 7 วัน และให้ปุ๋ยแห้งทุก 15 วัน
มะลิหากได้รับการดูแลดีๆ บนพื้นที่ 1 ไร่
สามารถเก็บเกี่ยวได้ถึง 10 กิโลกรัมต่อวัน หากราคากิโลกรัมละ
50 บาท ก็จะมีรายได้วันละ 500 บาท
หากปลูก 2 ไร่ ก็มีรายได้วันละ 1,000 บาท
สภาพร่อง การปลูกมะลิจะต้องเป็นแบบหลังเต่า จะทำให้ระบายน้ำได้ดีในฤดูฝน
ศัตรูที่ชอบกัดกินมะลิคือ เพลี้ยใบ และหนอนเจาะดอก
เกษตรกรจะต้องป้องกันด้วยการฉีดสารสมุนไพรไล่แมลงเป็นระยะ ๆ โดยเฉาะช่วงหน้าร้อน
การให้น้ำแบบสปริงเกลอร์จะช่วยป้องกันแมลงได้
หากเกษตรกรปล่อยน้ำตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงพลบค่ำ
เพราะแมลงจะออกหากินในตอนกลางคืนและวางไข่ตอนกลางคืน โดยเฉพาะตอนพลบค่ำ
มะลิมีอายุการให้ผลิตไม่จำกัดเวลา อยู่ที่การดูแล บางส่วนแค่ 4-5 ปีก็หมดสภาพแล้ว บางส่วนเก็บเกี่ยวได้ถึง 20 ปี
เกษตรกรบางรายเก็บดอกมะลิแล้วนำมาร้อยเป็นมาลัยหน้ารถ
วางขายริมทางก็สร้างรายได้เพิ่มมูลค่าได้ถึง 3
เท่าของราคามะลิดิบ ผู้ที่ประสงค์จะปลูกมะลิต้องหลีกเลี่ยงสารเคมีโดนเด็ดขาด
เนื่องจากมะลิเป็นพืชที่ผู้บริโภคต้องการกลิ่น
หากมสารเคมีเจือปนจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค การตัดแต่งกิ่งหรือการทำสาว
ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ทำให้ทรงพุ่มโปร่ง
แสงแดดส่องได้โดยทั่วมีผลต่อการออกผลผลิต และช่วยขจัดโรครา เมื้อสิ้นฤดูกาลหนึ่งๆ
เกษตรกรจะต้องคอยตรวจตราทรงพุ่ม ทำการตัดแต่งให้โปร่ง
กิ่งใดที่แก่เกินไปต้องตัดทิ้ง เพื่อให้กิ่งใหม่เกิดขึ้น
มะลิเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้แก่ผู้ปลูกทุกวัน ต้องการรายได้วันละ 500
บาท ต้องปลูกมะลิ 1 ไร่ ต้องการรายได้วันละ 5,000 บาท ต้องปลูกมะลิ 10
ไร่ ต้องการรายได้วันละ 50,000 บาท
ต้องปลูกมะลิ 100 ไร่
คิดเอาเองว่าจะสร้างรายได้ให้กับครอบครัววันละเท่าไหร่ขอรับ
ดาวโหลดเอกสารเพื่อดูวิธีการปลูกมะลิที่นี่ครับ
อ้างอิงที่มาจาก หนังสือ ชี้ช่องทางการทำกิน โดยอาจารย์ สมพล รักหวาน
นาย อนุสรณ์ ชลเกษม ผู้พิมพ์เอกสารฉบับนี้
3 ความคิดเห็น:
ถ้าคุณสนใจจะปลูกมะลิ เราช่วยคุณได้ครับ
มีกิ่งพันธุ์เพชรบุรีจำหน่าย และดอกมะลิสดคัดเกรดอย่างดีจำหน่าย ให้ดอกใหญ่ ก้านแข็ง ดอกดกออกทั้งปี ดูแลง่าย ที่สำคัญปลอดสารเคมี สามารถนำไปลอยน้ำดื่มได้ไม่อันตราย
มีสวนมะลิที่รังสิต คลอง 12 สนใจแวะไปชมหรือสั่งซื้อดอกมะลิได้ที่ 089-162-6519 คุณอภิรักษ์
Email : apirak519@hotmail.com หรือ mbajib@hotmail.com
โทรมาคุยนะครับแล้วคุณจะได้ข้อมูลดีๆ อีกเยอะเลยครับ
ขอทราบราคาต้นละเท่าไหร่คร่ะ
จากผู้ดูแล คือข้อมความแสดงความคิดเห็นทีจำหน่ายต้นดอกมะลิ เป็นข้อความของผู้ท่เข้ามาเยี่ยมชมครับ ได้ฝากไว้คงต้องโทรไปถามตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ฝากไว้อ่ะครับ
แสดงความคิดเห็น